วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชัยภูมิพบผู้ป่วยหวัด 09 แล้ว18 ราย - เทศบาลเมืองสั่งปิดร.ร.ในสังกัด 9 วันเร่งฆ่าเชื้อ

ชัยภูมิ - พบผู้ป่วยไข้หวัดสานพันธุ์ใหม่ 2009 ในจ.ชัยภูมิ แล้ว 18 ราย
นอนรักษาตัว 4ราย ผู้ว่าฯ ยันไม่มีผู้เสียชีวิต
ด้านนายกเล็กเมืองชัยภูมิสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดทุกแห่ง 16-24 ก.ค.
เร่งทำความสะอาดฆ่าเชื้อสกัดวงจรแพร่ระบาด
พร้อมส่งเสริมชุมชนผลิตผ้าหน้ากากกระจายรายได้
เพื่อนำแจกจ่ายแก่ในพื้นที่รับผิดชอบ ขณะที่ผ้าปิดหน้าอนามัยขาดตลาด

วันนี้ (15 ก.ค.) นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในพื้นที่ชัยภูมิ
ว่า ยังไม่น่าวิตก ข้อมูล ณ วันนี้ มีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 18 คน
ในจำนวนนี้ได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ และกลับบ้านได้แล้วจำนวน 14 คน
ยังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลชัยภูมิอีก 4 คน อาการดีขึ้นตามลำดับ
ส่วนที่มีข่าวลือว่ามีผู้เสียชีวิตนั้น ขอยืนยันว่า ณ วันนี้ จ.ชัยภูมิ
ยังไม่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้แต่ประการใด

ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากโรค
ในช่วงนี้ได้ขอความร่วมมือชาวชัยภูมิทุกคน
ได้ปฏิบัติตนให้ถูกสุขลักษณะคือ "กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ"
พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง
หรืออาศัยอยู่ในสภาวะที่เสี่ยง ได้สวมหน้ากาก ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล
หรือ สบู่

โดยได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือ
ขอให้สังเกตตัวเองหากมีอาการ เป็นไข้เกิน 2 วันแล้วเข้าวันที่ 3
อาการยังไม่ดีขึ้น ขอให้รีบไปพบแพทย์โรงพยาบาลโดยด่วน
ถ้าแพทย์ยืนยันว่าป่วยด้วยโรคนี้จริง
จะต้องปฏิบัติการป้องกันตามขั้นตอนคือหยุดทำงาน หรือไม่ต้องไปโรงเรียน
อยู่กับบ้าน รักษาตัวเอง จะได้ไม่ไปแพร่เชื้อสู่คนอื่น

"หากทุกคนให้ความร่วมมือในการดูแลรักษาตัวเองและร่วมเฝ้าระวังใน
พื้นที่ คนชัยภูมิก็จะปลอดภัยจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
ในส่วนของโรงเรียน ซึ่งมีเด็กไปเรียนกวดวิชา แล้วกลับมาเรียนตามปกติ
ก็อาจเป็นกลุ่มเสี่ยง ขณะนี้ได้สั่งปิดโรงเรียนกวดวิชาในพื้นที่ไปแล้ว 2
แห่ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด" นายถาวร กล่าว

ทางด้านนายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิได้
เปิดแถลงข่าวที่ห้องประชุมอุบลรัตน์ เทศบาลเมือง ชัยภูมิ
หลังออกประกาศเทศบาลเมืองชัยภูมิ สั่งปิดโรงเรียนในสังกัดเทศบาล ทั้งหมด
6 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนเทศบาล1-4 และ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีก 2 แห่ง
ซึ่งมีนักเรียนรวมเกือบ 2,000 คน โดยให้หยุดเรียนตั้งแต่วันที่ 16-24
ก.ค. เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรคสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัด 2009
ในพื้นที่เขตเทศบาลฯทั้งหมด

นายบรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ เปิดเผยว่า
เนื่องจากผลรายงานการเฝ้าระวังตรวจโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
ในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ล่าสุดพบผู้ป่วยในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ
ที่ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ จำนวน 4 ราย
ทางเทศบาลเมืองชัยภูมิ
จึงต้องมีมาตรการออกมาเพื่อช่วยป้องกันอย่างเร่งด่วน
ด้วยการสั่งปิดการเรียนการสอนโรงเรียนในสังกัดทั้งหมดไว้ก่อนอย่างน้อย 1
สัปดาห์ เพื่อที่จะได้เร่งส่งชุดเจ้าหน้าที่คลินิกชุมชนอบอุ่นเทศบาลเมืองลงไปทำความ
สะอาดล้างฆ่าเชื้อโรงเรียน ศูนย์เด็ก จัดรถพ่นยา ทำความสะอาดตลาดสด
ตลอดช่วง 1 สัปดาห์ ทั้งหมดโดยด่วน

นอก จากนี้ยังจะจัดชุดเจ้าหน้าที่เทศบาลเคลื่อนที่
ลงไปสร้างความเข้าใจเรื่องการป้องกันในชุมชน และ
ขอความร่วมมือทางห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเขตเทศบาลเมือง
รณรงค์รักษาความสะอาด ประตู ราวบันได
ที่มีประชาชนเข้าไปใช้บริการเป็นจำนวนมากทุกวันด้วย

พร้อมเร่งจัดซื้อแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาด ผ้าปิดปาก หน้ากากอนามัย
ลงไปแจกจ่ายให้ชุมชนอีกด้วย
ซึ่งขณะนี้ถือว่ากำลังประสบปัญหาการขาดแคลนผ้าปิดปากในพื้นที่จังหวัด
ชัยภูมิอีกจำนวนมาก ทางเทศบาลเมืองชัยภูมิ จัดหาซื้อในพื้นที่ได้เพียง
6,000 อัน ซึ่งยังไม่พอแจก จึงได้เร่งหาชุมชนที่มีกลุ่มแม่บ้านตัดเย็บ
เพื่อทำผ้าปิดหน้าเพิ่ม และเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกทางด้วย

"ในส่วนของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชัยภูมิเขต
1 นั้น จะปิดหรือไม่ขึ้นอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ตัดสินใจ
โดยเทศบาลเมืองชัยภูมิจะไม่รอให้ร้องขอมาให้ไปทำความสะอาดโรงเรียนให้
แต่นับจากนี้เราจะไปเร่งทำความสะอาดเมืองและโรงเรียนในเขตพื้นที่ที่รับผิด
ชอบตามแผนงานที่วางไว้ภายในสัปดาห์หน้านี้
เพื่อช่วยจังหวัดตัดวงจรการแพร่กระบาดของเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009"
นายบรรยงค์ กล่าว

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ปภ.เขต 5 เตือน 4 จว.อีสานล่างระวังน้ำท่วมฉับพลัน-โคลนถล่ม

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ปภ.เขต 5 นครราชสีมา แจ้งเตือน ปชช.4 จว.อีสานล่าง
ระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก เน้น
พท.เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม 2 จังหวัดให้ระวังเป็นพิเศษ
และติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด เผยเตรียม จนท.-อุปกรณ์
เครื่องมือไว้พร้อมอพยพราษฎรได้ทันทีหากเกิดภัยพิบัติขึ้น

วันนี้ (14 ก.ค.) นายวัลลภ เทพภักดี
ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา (ปภ.เขต 5
นม.) เปิดเผยว่า ทางศูนย์ ปภ.เขต 5
ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก
น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.)
เนื่องจากได้รับรายงานสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า
ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย
และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น
และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

สำหรับพื้นที่ความรับผิดชอบของศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา 4
จังหวัดอีสานตอนล่าง (นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์) นั้น
มีพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่ม อยู่ใน 2 จังหวัด คือ นครราชสีมา และ
ชัยภูมิ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน ในระยะ 1-2 วันนี้

"ที่สำคัญ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย
ติดตามข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
หากได้รับคำเตือนหรือคำแนะนำจากทางราชการขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เพื่อการป้องกันภัยที่อาจจะเกิดขึ้น" นายวัลลภ กล่าว

นายวัลลภ กล่าวอีกว่า ศูนย์ ปภ.เขต 5 นครราชสีมา
ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ เช่น เรือท้องแบน
เครื่องสูบน้ำ รถยนต์ขนย้ายสิ่งของและอพยพประชาชน
รวมทั้งเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ไว้พร้อมแล้ว
เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากเหตุอุทกภัย
สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
เขต 5 นครราชสีมา และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัด
หรือทางโทรศัพท์สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

"อย่าง ไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดจนถึงขณะนี้
มีรายงานฝนตกในหลายพื้นที่แต่ยังไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลากแต่
อย่างใด หากยังมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง 1-2 วันนี้
อาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันได้" นายวัลลภ กล่าวในที่สุด


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079451

โชวห่วย 3 จว.อีสานรวมพลังต้านเทสโก้โลตัส

ศูนย์ข่าวขอนแก่น- โชวห่วย 3 จังหวัด ขอนแก่น อุดรธานี ชัยภูมิ
รวมพลังสร้างเครือข่ายไม่เอา "เทสโก้ โลตัส" หลังถูกทุนข้ามชาติ
รุกหนักใช้ "โลตัส เอ็กซ์เพรส"
แชร์ตลาดค้าปลีกผุดสาขาขนาดเล็กในย่านชุมชนหลายอำเภอ
ระบุทุนท้องถิ่นเสียเปรียบทุกมิติ ทั้งขอความเห็นใจจากสังคม
ชี้วางมาตรการต้านยื่นหนังสือค้านต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ควบคู่ทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้ค้าย่อยในพื้นที่
ถึงที่สุดต้องรวมตัวยื่นหนังสือถึงพ่อเมือง
ขอความเป็นธรรมยับยั้งห้างต่างชาติจนกว่าจะมี พ.ร.บ.ค้าปลีก
กำกับการแข่งขัน

พลันที่ห้างเทสโก้ โลตัส รุกหนักขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด
แม้จะถูกคัดค้านจากผู้ประกอบการในพื้นที่ และถูกกฎหมายผังเมืองควบคุม
ขนาดธุรกิจเอาไว้ แต่เทสโก้ โลตัส ไม่ได้ละความพยายาม
ปรับกลยุทธ์ลดขนาดธุรกิจลงให้สอดคล้องกับกฎหมายผังเมือง
ให้มีพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตร เปิดสาขาย่อยในย่านชุมชน
จนเกิดกระแสต่อต้านทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

โดยเฉพาะกรณีปัญหาที่ จ.ขอนแก่น เทสโก้ โลตัส
ได้ยื่นหนังสือขออนุญาตเปิดห้าง ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันในหลายพื้นที่
ทั้งอำเภอเมืองหลายสาขา อ.ภูเวียง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น
รวมถึงอำเภออื่นก็มีกระแสข่าวจะขออนุญาตปรับพื้นที่เปิดห้างเทสโก้ โลตัส
ขนาดเล็ก แต่ยังไม่ดำเนินการขออนุญาตจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงเกิดกระแสคัดค้านการเปิดห้างเทสโก้ โลตัสขึ้นในพื้นที่อย่างเข้มข้น

ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ ประกอบการค้าปลีก (โชวห่วย)
ได้หารือกันถึงสถานการณ์ปัญหา ที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น โดยมีร้านโชวห่วย
จาก 10 อำเภอ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.เมือง อ.ชุมแพ อ.บ้านไผ่
อ.หนองสองห้อง อ.ภูเวียง อ.พล จ.ขอนแก่น อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ อ.โนนสะอาด
อ.ศรีธาตุ และอ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
ร่วมกันแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำงานและหาแนวทางการต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส


นาย นริศ จรรยานิทัศน์ ผู้ประกอบการค้าปลีกจาก อ.บ้านไผ่
ในฐานะเลขาธิการชมรมผู้ค้าปลีกและผู้ประกอบอาชีพอิสระจังหวัดขอนแก่น
เปิดเผยว่า ร้านโชวห่วยทั้ง 3 จังหวัด
มีความเห็นร่วมกันที่จะสร้างเครือข่ายต่อต้านห้างเทสโก้ โลตัส
ทุนค้าปลีกข้ามชาติรายใหญ่ รุกคืบใช้ความได้เปรียบในช่วงที่ไม่มี
กฎหมายค้าปลีกเข้ามากำกับการแข่งขัน
รุกเปิดสาขาขนาดเล็กในพื้นที่ขายไม่เกิน 300 ตารางเมตรในหลายอำเภอ

การเปิดเทสโก้ โลตัส ในท้องถิ่น เป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
เทสโก้ โลตัส ได้เปรียบร้านโชวห่วยทุกมิติ ทั้ง สายป่านธุรกิจ
การบริหารจัดการ อำนาจการต่อรอง รูปแบบธุรกิจ กลยุทธ์ด้านราคา ฯลฯ
การเปิดห้างโลตัสจะทำให้ผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่นั้น
ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง จนต้องปิดกิจการลงในที่สุด

"ผู้ค้ารายย่อยไม่ปฏิเสธว่าการเปิดห้างเทสโก้ โลตัส
ส่วนหนึ่งทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์ซื้อสินค้าในราคาต่ำกว่าร้านโชว
ห่วยทั่วไป แต่หากมองผลกระทบระยะยาว เมื่อกิจการรายย่อย
ต้องล้มหายไปจากระบบ จะมีผู้กำหนดราคาเพียงไม่กี่ราย กุมอำนาจทางการค้า
สามารถกำหนดราคา ตักตวงผลประโยชน์ลักษณะใดก็ได้" นายนริศกล่าวและว่า

ประเด็น ปัญหาดังกล่าว
ร้านโชวห่วยทุกอำเภอจะตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาผล
กระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ค้ารายย่อยให้ครอบคลุมทุกกิจการ
พร้อมกับเร่งทำความเข้าใจแก่ประชาชนรายย่อยที่ต้องการให้เทสโก้
โลตัสเปิดห้าง ให้รับทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะผลกระทบระยะยาวที่มีค้าปลีกรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย
กุมอำนาจค้าปลีกในพื้นที่

ควบคู่กับมาตรการคัดค้าน โดยร้านโชวห่วยแต่ละพื้นที่จะร่วมกัน
ทำหนังสือยับยั้งการขออนุญาตปรับพื้นที่ของเทสโก้ โลตัส
แก่ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าของพื้นที่ เช่น
นายกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือนายกเทศมนตรีแต่ละแห่ง
รวมถึงยื่นหนังสือคัดค้านไปยังนายอำเภอเจ้าของพื้นที่ด้วย
ล่าสุดดำเนินการไปแล้วประกอบด้วย อ.น้ำพอง อ.หนองสองห้อง อ.พล อ.ภูเขียว
ส่วนอำเภออื่นที่ยังไม่มีการยื่นขออนุญาต
จะเฝ้าระวังกับผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

นายนริศกล่าวต่อว่า การ รุกของห้างเทสโก้ โลตัส
ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างรุนแรง
เป็นปัญหาที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเข้ามาดูแลให้เกิดความเป็นธรรม
โดยร้านโชวห่วยทุกอำเภอที่ได้รับความเดือดร้อน
จะรวมตัวกันหน้าศาลากลางจังหวัดขอนแก่น
เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
ให้เข้ามาดูแลปัญหาความเดือดร้อนของกิจการโชวห่วยในพื้นที่ปกครองของตนเอง

โดยเฉพาะประเด็นการเร่งเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส
ในช่วงที่ยังไม่มี พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับดูแล
ซึ่งไม่เป็นธรรมต่อกิจการรายย่อยในท้องถิ่น
จะเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
และจังหวัดอื่นที่ได้รับความเดือดร้อน
ให้ใช้อำนาจยับยั้งการเปิดห้างไว้ก่อน จนกว่าจะมี
พ.ร.บ.ค้าปลีกออกมากำกับการแข่งขัน

สำหรับกระแสการเปิดห้างโลตัส เอ็กซ์เพรส
เฉพาะในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น มีกระแสข่าวว่าจะเปิดไม่ต่ำกว่า 10 สาขา
ตามย่านชุมชนขนาดใหญ่ และที่ชัดเจนที่ได้ปรับปรุงพื้นที่ไปแล้วคือ
บริเวณชุมชนตลาดหนองใหญ่ และย่านชุมชนสามแยกบ้านดอน
ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น รวมถึงการขออนุญาตปรับพื้นที่ใน อ.ภูเวียง
อ.หนองสองห้อง และอ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

ทั้งที่มีสาขาหลักเต็มรูปแบบ 1 สาขา บนถนนมิตรภาพ อ.เมือง
จ.ขอนแก่น และตลาดสดเทสโก้ โลตัส ที่เปิดดำเนินการไปแล้ว
ภายในห้างสรรพสินค้าแฟรี่พลาซ่า ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น และตลาดสดโลตัส
อ.พล จ.ขอนแก่น


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079745

วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชาวชัยภูมิโวยซากเหมืองโปแตชอาเซียนทำน้ำเกลือทะลักนาข้าว

ชัยภูมิ - ชาวบ้านบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ
โวยซากพันล้านเหมืองแร่โปแตชอาเซียนปล่อยบ่อน้ำเกลือทะลักเข้าไร่
นาข้าวสร้างความเสียหายหนักกลายเป็นทุ่งดินเค็มไม่ได้ผลผลิตและไร้ผู้รับผิด
ชอบ เผยปัจจุบันตกอยู่ในสภาพเหมืองร้าง
กลายเป็นพิพิธภัณฑ์เก็บเครื่องจักร
อุปกรณ์ทำเหมืองแร่ใต้ดินถูกตัดขาดน้ำ-ไฟฟ้ามานาน
แฉมีกลุ่มคนเข้ากว้านซื้อที่ดินรอบโครงการเหมืองโปแตชแล้วหลายทอดปั่นราคา
ไร่ละ 3-4 พัน พุ่งเป็นไร่ละ 4-5 หมื่นแล้ว

หลังจากรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะรื้อฟื้นโครงการโปแตชอาเซียน ที่
อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ขึ้นมาอีกครั้ง
โดยจะให้กระทรวงการคลังเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัท
เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) หรือ APMC ตามสัดส่วน 20%
วงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง
ทั้งที่โครงการดำเนินการมานานกว่า 30 ปี ใช้เงินไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท
แต่ยังไม่ได้ผลผลิตแร่โปแตชขึ้นมาใช้ประโยชน์แม้แต่ก้อนเดียว
อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนเรื่องใบประทานบัตรเหมืองแร่
และรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่อย่างใด

เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตั้งของโครงการ พบว่า
เหมืองแร่โปแตชของอาเซียน ที่ อ.บำเหน็จณรงค์ ขณะนี้
อยู่ในสภาพไม่ต่างจากเหมืองร้าง
กลายเป็นพิพิธภัณฑ์รกร้างเก็บเครื่องจักรอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ใต้ดินไปแล้ว
ส่วนประตูทางเข้า-ออกเหมืองแร่ได้ปิดไว้อย่างหนาแน่นโดยนำโซ่เหล็กมาคล้อง
ล็อกด้วยกุญแจที่ขึ้นสนิมเขรอะ


บริเวณโดยรอบในเหมือง
นอกจากมีอาคารขนาดเล็กชั้นเดียวตั้งอยู่ไม่กี่หลังและปากอุโมงค์ใต้ดิน 1
อุโมงค์แล้ว ก็มีเพียงเครื่องจักรสภาพชำรุดทรุดโทรม และรถยนต์เก่าจอดอยู่
2-3 คัน ขณะที่ยามรักษาความปลอดภัยเองก็ไม่ได้มาเข้าเวรเฝ้าดูแลอยู่ประจำตลอด
24 ชั่วโมง เพราะระบบน้ำประปา ไฟฟ้า ที่นี่ถูกตัดขาดมานานแล้ว

นาย สมาน มั่งกลาง อายุ 60 ปี เกษตรกรชาวนา บ้านโคกเพชร หมู่ 8
ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ เปิดเผยว่า
ตนและชาวบ้านแถบนี้ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลจะใช้งบประมาณแผ่นดินมาเพิ่มทุนเพื่อ
เปิดเหมืองแร่โปแตชแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ หลังจากได้ปิดทิ้งร้างมานาน
ซึ่งเท่าที่จำได้เมื่อประมาณต้นปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่จังหวัดชัยภูมิ
และเจ้าหน้าที่บริษัทเหมืองแร่โปแตช เรียกประชุมชาวบ้าน
เรื่องเหมืองแร่แห่งนี้ในพื้นที่ 3 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านตาล ต.หัวทะเล
และ ต.บ้านเพชร

การประชุมครั้งนั้น
ชาวบ้านหลายคนเสนอปัญหาและข้อเรียกร้องให้บริษัทแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำเกลือ
ที่รั่วไหลออกมาจากเหมืองแร่ โดยเฉพาะเวลาฝนตกหนักมีน้ำพัดแรง
น้ำจืดจะพัดพาดันเอาน้ำเกลือเข้ามาในพื้นที่ไร่
นาข้าวของชาวบ้านได้รับความเสียหาย กลายเป็นทุ่งขึ้นเกลือเต็มไปหมด
ทำให้ปลูกข้าวไม่ค่อยได้ผลผลิต หลายคนไร่นากลายเป็นดินเค็มเสียหายทั้งหมด
โดยที่ไม่มีใครรับผิดชอบ

อีกเรื่องคือ การจ้างงานในท้องถิ่น
หากจะเปิดทำเหมืองแร่โปแตชอย่างจริงจัง
ประชาชนต้องการให้ลูกหลานของชาวบ้านในพื้นที่ได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในบริษัท
เหมืองแร่บ้าง เพราะที่ผ่านมาเห็นรับแต่คนนอกพื้นที่
และควรแบ่งปันผลประกอบการส่วนหนึ่งเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
ในฐานะเจ้าของทรัพยากรและผู้รับผลกระทบโดยตรงด้วย

นายสมาน กล่าวต่อว่า
ส่วนตนและครอบครัวมีที่ดินอยู่ใกล้เหมืองแร่โปแตช แห่งนี้เพียง 3-4 ไร่
ซึ่งช่วงแรกประมาณปี 2522-2523 ได้มีคนมาติดต่อขอซื้อ ไร่ละ 3,000-4,000
บาท ชาวบ้านก็พากันขาย
ต่อมาไม่นานก็มีคนจากกรมทรัพยากรธรณีมาเจาะสำรวจแร่
และเมื่อไม่นานมานี้ทราบว่ามีคนมากว้านซื้อที่ดินต่ออีกทอดหนึ่งไร่ละ
40,000-50,000 บาท แต่ตนไม่ขาย
เพราะไม่คุ้มค่าและไม่รู้ว่าจะไปหาซื้อดินที่ไหนมาทำกินเลี้ยงครอบครัวต่อไป
เนื่องจากที่ดินแถบนี้มีคนมากว้านซื้อกันไปเกือบหมดแล้วและปรับราคาขึ้น
แพงกว่าเดิม เช่น แปลงที่ดินใกล้กับที่นาของตนนี้
มีคนจากโคราชมาซื้อไว้แล้ว ซึ่งตนก็อาศัยเช่าที่ดินเขาทำนาเพิ่มด้วย

"หากบริษัท จะกลับมาฟื้นเหมืองแร่โปแตช
อยากถามว่าจะป้องกันปัญหาผลกระทบน้ำเค็มดินเค็มอย่างไรเพราะที่ผ่านมากว่า
30 ปี เห็นเจาะเอาแร่เกลือขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เห็นนำไปผลิตปุ๋ยหรือขาย
เห็นแต่เอาไปถมทิ้งไว้ในบ่อจนกลายเป็นบ่อน้ำเกลือ 2-3 บ่อ แล้ว
ผ้ายางหรือแผ่นพลาสติกที่จะปูรองก้นบ่อก็ไม่มี
น้ำจึงซึมรั่วไหลเข้าที่ดินไร่นาชาวบ้าน ทำให้เป็นดินเค็มเต็มไปหมด
ซึ่งช่วงแรกบริษัทก็บอกว่า ไม่มีทุนทำต่อเพราะไม่มีใครมาลงทุนร่วม
จึงสงสัยว่าถ้ารัฐบาลให้เงินมาเปิดเหมืองใหม่อีก
แล้วจะหาใครที่ไหนมาร่วมลงทุน" นายสมาน กล่าว


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000079398

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ชาวชัยภูมินักท่องเที่ยวพร้อมใจทำบุญ - แห่เทียนพรรษาคึกคัก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2552 22:11 น.
ชัยภูมิ - พุทธศาสนิกชนชัยภูมิพร้อมใจทำบุญตักบาตร ข้าวสาร
อาหารแห้งวันอาสาฬหบูชา และร่วมงานประเพณีแห่เทียนพรรษาวิจิตรงดงาม
พร้อมขบวนแห่ศิลปะวัฒนธรรม และรณรงค์เรื่องต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจพอเพียง
ต่อต้านยาเสพติด การป้องกันโรคเอดส์และไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009
ท่ามกลางประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ความสนใจคึกคัก

วันนี้ (7 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศเทศกาลเข้าพรรษาที่จังหวัดชัยภูมิ ว่า
ในช่วงเช้า นายถาวร พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ พร้อมข้าราชการ
นักธุรกิจ พ่อค้าประชาชนชาวชัยภูมิทุกหมู่เหล่ากว่า 500 คน
ได้ร่วมกันทำบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารคาวหวาน ถวายเทียนพรรษา
ผ้าอาบน้ำฝน และถวายต้นผ้าป่ามหากุศล แด่พระภิกษุสงฆ์
ที่จำพรรษาในวัดไพรีพินาศ (วัดกลางเมืองเก่า) ต.ในเมือง อ.เมือง
จ.ชัยภูมิ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา หรือ ที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่าวันพระใหญ่
ซึ่งแต่ละปีมีอยู่ 3 วัน คือ 1.วันมาฆบูชา (วันเพ็ญเดือน 3) หรือ
วันพระธรรม 2.วันวิสาขบูชา (วันเพ็ญเดือน 6) หรือวันพระพุทธ
และวันอาสาฬหบูชา (วันเพ็ญเดือน 8) โดยมี พระวีระชัยสุนทร
รองเจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ และ เจ้าอาวาสวัดวัดไพรีพินาศ
(วัดกลางเมืองเก่า) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้
ที่บริเวณศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ เทศบาลเมืองชัยภูมิ
ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ
ได้จัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปี 2552 ขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์
และสืบทอดประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชน

โดยมีวัด ชาวชุมชนต่างๆ และ นักเรียนนักศึกษา
ได้ประดิษฐ์ต้นเทียนพรรษาที่มีความสวยวิจิตรงดงาม พร้อมจัดขบวนแห่กว่า 14
ขบวน เข้าร่วม ซึ่งแต่ละขบวนได้มีการแสดงศิลปะ
วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่น และ ขบวนรณรงค์ต่าง ๆ เช่น
เศรษฐกิจพอพียง ,ภูมิปัญญาท้องถิ่น, หยุดทำร้ายประเทศไทย ,
รณรงค์ป้องกันต่อต้านยาเสพติด-โรคเอดส์ และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

โดยได้แห่ขบวนไปตามถนนต่างๆ ในเขตเทศบาลเมือง ซึ่งตลอดเส้นทางกว่า
10 กิโลเมตรมีชาวชัยภูมิ และ
นักท่องเที่ยวให้ความสนใจชมทั้งสองข้างทางกันอย่างคึกคัก
ก่อนที่จะกลับมารวมตัวกันที่บริเวณศูนย์เยาวชนฯ
เพื่อตั้งเทียนพรรษาให้ประชาชนได้ชื่นชม ความสวยงาม ตลอดทั้งคืน
โดยวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันเข้าพรรษาชาวชุมชนต่างๆ
จะนำต้นเทียนพรรษาไปถวายวัดต่างๆ ตามประเพณีต่อไป


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000076829

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นศ.พยาบาลม.ราชภัฎชัยภูมิสุดทน -รวมตัวเข้าชื่อไล่ผอ.เรียกเก็บเงินเกินเหตุ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กรกฎาคม 2552 22:57 น.
ชัยภูมิ - นศ.วิทยาลัยพยาบาลพระยาภักดีชุมพล
ภายใต้สังกัดม.ราชภัฎชัยภูมิ กว่า 161 คน สุดทน
รวมตัวเข้าชื่อร้องขอความเป็นธรรม ต่ออธิการบดี ม.ราชภัฎชัยภูมิ ให้ย้าย
ผอ.ออกจากตำแหน่ง ฐานเรียกเก็บเงินนอกเหนือค่าเทอมกว่ารายละ 3-4 หมื่นบาท
แต่ไม่ได้รับสวัสดิการ-การศึกษาที่ดี
ด้านเจ้าตัวโต้ลั่นพร้อมพิจารณาตัวเอง
ส่วนอธิการฯตั้งกรรมการสอบให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

วันนี้ ( 1 ก.ค.) ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
กลุ่มนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลพระยาแลภักดีชุมพล พากันรวมตัวกว่า 100 คน
ที่โรงอาหารของสถาบันฯ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม
หลังถูกเรียกเก็บเงินจากสถาบันมากเกินเหตุ พร้อมเข้าชื่อร้องเรียนต่อ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
เพื่อให้สอบสวนเอาผิดและย้ายผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลฯ
ออกจากตำแหน่งโดยด่วน

พร้อมกันนี้ กลุ่มนักศึกษาระบุว่า
ขณะที่มีการรวมตัวเรียกร้องดังกล่าว ได้ถูกข่มขู่จากอาจารย์กลุ่มหนึ่งว่า
ใครเป็นแกนนำจะได้รับผลกระทบ
หมดโอกาสเรียนต่อในวิทยาลัยพยาบาลฯแห่งนี้ด้วย
นักศึกษาส่วนใหญ่จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
และขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนให้ช่วยตรวจสอบอีกทางด้วย

นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลพระยาภักดีชุมพล รายหนึ่ง เปิดเผยว่า
กลุ่มนักศึกษาที่มารวมตัวกันทั้งหมดในวันนี้ กว่า 161 คน
เป็นนักศึกษาชั้นปี 1-3
ต้องการขอความเป็นธรรมต่ออธิการบดีมหาวิทยราชภัฎชัยภูมิ
เพราะปัญหาสิทธิอันพึงได้ของนักศึกษา ทั้งสวัสดิการการศึกษาที่ไม่ดีพอ
และการถูกเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายตามมาอีกจำนวนมากเกินความจำเป็น
นอกจากค่าเทอมที่ต้องเสียให้วิทยาลัยแล้วไม่น้อยกว่ารายละ 30,000 -
40,000 บาทต่อเทอมมานานหลายปี และผู้บริหารวิทยาลัยพยาบาลฯ
พยายามข่มขู่ไม่ให้นักศึกษาออกมาร้องเรียนเรื่องนี้โดยตลอด

"แต่วันนี้เราทนต่อไปไม่ไหวแล้ว รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจไม่ดี
การมาถูกเรียกเก็บเงินจำนวนมากที่เป็นเรื่องของภาคสวัสดิการการศึกษา
และสิทธิอันพึงได้ของนักเรียน
ที่วิทยาลัยพยาบาลเรียกเก็บรวมในค่าเทอมไปแล้วไม่เป็นธรรมมาตลอด ทั้งๆ
เคยเรียกร้องทักท้วงมาตลอด แต่ก็ไม่เป็นผล
แต่กลับถูกข่มขู่ว่าจะไม่ได้เรียนต่อที่นี่แทน" นักศึกษากล่าว

นักศึกษารายเดิมกล่าวต่อว่า
กลุ่มนักศึกษาที่ออกมาเรียกร้องต้องการขอความเป็นธรรม
ซึ่งในรายละเอียดการลงทะเบียนต่อเทอม กว่าครั้งละ 30,000 - 40,000 บาท
ซึ่งในแต่ละปีจะจ่ายค่าเทอม 3 ครั้ง ระยะเวลาการเรียนตลอด 4 ปี
ไม่เคยระบุรายละเอียดว่า
นำเงินลงทะเบียนไปใช้จ่ายให้นักศึกษาเป็นค่าอะไรบ้าง
มีเพียงใบเสร็จใบเดียวลงรายละเอียดเพียงว่าค่าลงทะเบียนรวมจำนวน 30,000
บาท

ทั้งๆ ที่น่าจะระบุสิทธิอันพึงได้กลับเงินลงทะเบียนด้วยว่ามีอะไรบ้าง
แต่ยังต้องมาถูกเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายเพิ่มมาอีกจำนวนมาก ทั้งชุดฝึกงาน
ชุดปฏิบัติงานหอผู้ป่วย ห้องคลอด และห้องผ่าตัด
ที่เดิมก่อนประกาศรับสมัครฯ วิทยาลัยพยาบาลจะเป็นคนจัดหามาให้นักศึกษา
แต่แล้วก็มาให้นักศึกษาต้องจ่ายซื้อเอง
ต้องเสียเงินตามมาอีกไม่น้อยกว่าคนละ 8,000 บาท
ทั้งชุดนักศึกษาต้องตัดเองหมด ไม่เว้นแม้แต่เอกสารที่แจกให้นักศึกษาเรียน
นำมาเพียงชุดเดียวแล้วให้พากันไปถ่ายเอกสารแจกจ่ายกันเรียนเอง
แต่ละเดือนต้องเสียเงินค่าเอกสารจำนวนไม่น้อยและค่าน้ำค่าไฟ
ค่าประกันหอพัก นักศึกษาต้องจ่ายเองหมด
ซึ่งเคยขอรายละเอียดจากสถาบันทุกเทอมก็ไม่เคยได้รับและสวัสดิการหอพักบริการ
ก็ไม่มี

ดังนั้น นักศึกษาทุกคนจึงต้องการขอความเป็นธรรม
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทางมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลวิทยาลัยพยาบาลฯ สาขาพยาบาลศาสตร์บัณฑิต
ควรมีการสอบสวนและเปลี่ยนตัวผู้มาบริหาร
ผู้อำนวยการรายนี้ใหม่เพื่อให้สถาบันมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
ได้เป็นแหล่งเรียนรู้สร้างคุณภาพชีวิตการศึกษาที่ดี
ให้กับเด็กนักศึกษาในชุมชนและทั่วประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

ขณะที่ รศ.ดร.เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ
ให้มาดำรงตำแหน่งคนใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า
วิทยาลัยพยาบาลฯ เป็นหน่วยงานหนึ่งของ มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ
โดยการบริหารงานนั้นมีผู้อำนวยการเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ
และในกรณีนักศึกษาเข้าชื่อจำนวนมากร้องเรียนว่า
มีการถูกเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ตอนนี้ได้ตั้งกรรมการลงไปสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนแล้วต้องดูว่าระเบียบการเบิก
จ่ายมีอะไรบ้าง ซึ่งถ้าการบริหารงานมีปัญหาก็จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหารตามมา

ด้าน นางศศกรณ์ อิทรชัยศรี
ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลพระยาภักดีชุมพล เปิดเผยว่า
ค่าธรรมเนียมการศึกษา หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต
ที่เราเรียกเก็บแบบเหมาจ่ายการศึกษาครั้งละ 30,000 บาท ส่วนปี 1 คนละ
40,000 บาท รวม 3 เทอม เฉลี่ยปีละกว่า 80,000 บาท
นั้นจะนำไปเป็นค่าหน่วยกิตลงทะเบียนวิชาเรียน และค่าธรรมเนียมต่างๆ
ค่าประกันอุบัติเหตุ การบริการสุขภาพ ห้องสมุด และค่าใช้อินเตอร์เน็ต

ส่วนที่มีการร้องเรียนเรื่องค่าชุดอะไรต่างๆ
เป็นเรื่องที่นักศึกษาต้องจ่ายเองอยู่แล้ว
รวมทั้งเรื่องค่าเอกสารนักเรียนต้องจ่ายเองอยู่แล้ว
เราแบกรับภาระเดือนละกว่า 5,000-6,000 บาท ตรงนี้ ให้ไม่ไหว
เพราะเรามีค่าใช้จ่ายมาก
ทั้งด้านการจ้างบุคลากรมาสอนเพื่อให้เด็กได้มีคุณภาพทางการศึกษา
ส่วนการร้องเรียนที่เกิดขึ้นหากเห็นว่าตนไม่ดีพอ
ก็พร้อมที่จะรับผิดชอบและพิจารณาตัวเอง

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชัยภูมิทุกภาคส่วนกว่าหมื่นร่วมรณรงค์-ปฏิญาณตนต่อต้านยาเสพติดโลก

ชัยภูมิ - ผู้ว่าฯชัยภูมิ นำพลังมวลชนชัยภูมิทุกภาคส่วนกว่าหมื่นคน
ร่วมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดสากล ตามยุทธศาสตร์ "5 รั้วป้องกัน 5
รั้วล้อมไทยพ้นภัยยาเสพติด" เยาวชนจังหวัดชัยภูมิ
"เท่..ดี..ไม่ต้องมียาเสพติด" และพร้อมใจกันกล่าวคำปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยว
ไม่เสพยาเสพติด ต่อเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สนามกีฬากลางจังหวัดชัยภูมิ นายถาวร
พรหมมีชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ
ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดจังหวัดชัยภูมิ
(ศตส.จ.ชย.) เป็นประธานเปิดงานวันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดสากล
ตามยุทธศาสตร์ "5 รั้วป้องกัน 5 รั้วล้อมไทย พ้นภัยยาเสพติด"
เยาวชนจังหวัดชัยภูมิ "เท่...ดี...ไม่ต้องมียาเสพติด"

โดยมี นายนิมิต จันทรวิมล รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ,
พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ชัยภูมิ
พร้อมด้วยพลังมวลชนทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ ท้องถิ่น นักเรียก นักศึกษา
เยาวชน และประชาชน กว่า 10,000 คน ร่วมเดินรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
ผ่านชุมชนต่างๆ ในตัวเมืองชัยภูมิ เพื่อสร้างกระแส การมีส่วนร่วมป้องกัน
แก้ไขปัญหายาเสพติด

ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่บริเวณสนามกีฬากลางจังหวัดชัยภูมิ
เพื่อพร้อมใจกันกล่าวคำปฏิญาณไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่เสพยาเสพติด
เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตลอดทั้งวันนี้
ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการต่อต้านยาเสพติด การแสดงและการประกวดโครงการ To
Be Number One ของโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดชัยภูมิ
และการแสดงคอนเสิร์ตดนตรีต่อต้านยาเสพติด
ซึ่งจัดภายในบริเวณศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ

นายถาวร พรหมมี ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า
ทางจังหวัดจะไม่ปล่อยให้มีขบวนการค้ายาบ้า
หรือยาเสพติดในพื้นที่โดยเด็ดขาด
ซึ่งตลอดเวลาการทำงานได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง อย่างต่อเนื่องทั้งด้านป้องกัน
และปราบปราบ รวมถึงการบำบัดผู้เสพ ซึ่งในส่วนของผู้เสพ
ทางราชการการถือว่าเป็นผู้ป่วย หากสมัครใจเข้ารับการบำบัด จะไม่มีความผิด

จึงขอให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ดูแลบุตรหลาน และช่วยเป็นหูเป็นตา
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย หากพบว่าลูกหลาน
คนในชุมชนเสพยาต้องชักชวนรับการบำบัด ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เมื่อบำบัด
รักษาร่างกายและจิตใจ พร้อมแล้ว ก็จะส่งกลับบ้าน
เพื่อเป็นคนดีของสังคมต่อไป

"ดัง นั้น เพื่อไม่ให้ยาบ้าหรือยาเสพติดทุกชนิดมีในทุกชุมชน
ทุกพื้นที่ของจังหวัดชัยภูมิ จึงขอความร่วมมือจากประชาชน
หากพบเห็นขบวนการค้า ขอให้แจ้งตำรวจ แจ้งนายอำเภอ หรือแจ้งผู้ว่าฯ
ได้โดยตรง เพื่อดำเนินการขั้นเด็ดขาด" นายถาวร กล่าว


http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072617